รัฐธรรมนูญ ชั่วคราว ฉบับ คสช. มีเนื้อหาอย่างไรบ้าง เกี่ยวข้องกับเรา หรือประเทศอย่างไร
ต้องศึกษาครับ เพราะ “รัฐธรรมนูญ” คือกฎหมายสูงสุดของประเทศ
ดาวน์โหลด www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2557/A/055/1.PDF
นานาทัศนะ สาระและความรู้ กับรองราม
รัฐธรรมนูญ ชั่วคราว ฉบับ คสช. มีเนื้อหาอย่างไรบ้าง เกี่ยวข้องกับเรา หรือประเทศอย่างไร
ต้องศึกษาครับ เพราะ “รัฐธรรมนูญ” คือกฎหมายสูงสุดของประเทศ
ดาวน์โหลด www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2557/A/055/1.PDF
คนวงการศึกษา ไม่ว่าครู นักเรียน เขตพื้นที่ จำเป็นต้องรู้ครับ เพราะสิ่งนี้กำลังจะเกิดขึ้น “การปฏิรูปการศึกษา” มาอีกแล้ว รอบนี้จะเป็นอย่างไร ขอเชิญทุกท่านร่วมกันศึกษาพิจารณา ณ บัดนี้
ดาวน์โหลดไฟล์ที่ http://www.reo.moe.go.th/roadmap/roadmap_draft_M_A4.pdf
โค้งปกติ จะมีข้อมูลกลางๆเยอะที่สุด มีค่า เฉลี่ย = มัธยฐาน = ฐานนิยม หรืออยู่จุดเดียวกัน
โค้งเบ้ขวา หรือ ลาดทางขวา มีลักษณะข้อมูลที่ข้อมูลที่มีค่าน้อยจะมีมากกว่าข้อมูลอื่นๆ
ทำให้ ฐานนิยม < มัธยฐาน < ค่าเฉลี่ย
โค้งเบ้ซ้าย หรือ ลาดทางซ้าย จะมีลักษณะข้อมูลที่มีค่ามาก มีจำนวนมากกว่าข้อมูลอื่นๆ
ทำให้ ค่าเฉลี่ย < ค่ามัธยฐาน < ค่าฐานนิยม
การวัดการกระจายของข้อมูล เป็นการวัดเพื่อดูว่าข้อมูลแต่ละค่ามีความแตกต่างกันเท่าใดโดยเฉลี่ย หรือการวัดระยะห่างโดยประมาณของข้อมูล หากข้อมูลมีค่าการกระจายมาก แสดงว่าข้อมูลแต่ละค่ามีความแตกต่างกันมากหรืออยู่ห่างกันมากนั่นเอง หากค่าการกระจายของข้อมูลมีค่าน้อย แสดงว่าข้อมูลแต่ละค่าแตกต่างกันน้อยหรือใกล้เคียงกันนั่นเอง การวัดการกระจายนิยมใช้ควบคู่กับการวัดแนวโน้มเข้าสู่ส่วนกลาง เพราะจะช่วยอธิบายลักษณะของข้อมูลได้ชัดเจนขึ้น ทั้งนี้ เนื่องจากการวัดแนวโน้มเข้าสู่กลางเป็นเพียงการบอกค่ากลางของข้อมูลชุดนั้น แต่เราก็ยังไม่ทราบชัดเจนถึงลักษณะการกระจายของข้อมูลว่าคะแนนต่างๆ ในชุดข้อมูลนั้นมีค่าใกล้เคียงกัน หรือแตกต่างกันมาก ถ้าเรามีทั้งค่าแนวโน้มเข้าสู่ส่วนกลางและค่าการกระจายก็จะทำให้เข้าใจลักษณะข้อมูลนั้นได้ชัดเจนขึ้นมากกว่ามีแต่ค่าแนงโน้มเข้าสู่ส่วนกลางเพียงอย่างเดียว
การวัดการกระจายของข้อมูล แบ่งได้เป็น 2 วิธี คือ
1. การวัดการกระจายสัมบูรณ์ (Absolute Variation) คือการวัดการกระจายของข้อมูลเพียงชุดเดียว เพื่อดู
ว่าข้อมูลชุดนั้นแต่ละค่ามีความแตกต่างกันมากหรือน้อยเพียงไร นิยมใช้กันอยู่ 4 ชนิด คือ
พิสัย (range)
ส่วนเบี่ยงเบนควอร์ไทล์ (quartile deviation)
ส่วนเบี่ยงเบนเฉลี่ย (mean deviation หรือ average deviation)
ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (standard deviation)
2. การวัดการกระจายสัมพัทธ์ (Relative Variation) คือการวัดการกระจายของข้อมูลที่มากกว่า 1 ชุด โดย
ใช้อัตราส่วนของค่าที่ได้จากการวัดการกระจายสัมบูรณ์ กับค่ากลางของข้อมูลนั้นๆ เพื่อใช้ในการเปรียบเทียบการกระจายของข้อมูลเหล่านั้น มีอยู่ 4 ชนิด คือ
สัมประสิทธิ์ของพิสัย (coefficient of range)
สัมประสิทธิ์ของส่วนเบี่ยงเบนควอร์ไทล์ (coefficient of quartile deviation)
สัมประสิทธิ์ของส่วนเบี่ยงเบนเฉลี่ย (coefficient of average deviation)
สัมประสิทธิ์ของความแปรผัน (coefficient of variation)
Median หรือ ค่ากลางของข้อมูลที่ได้จาก ตำแหน่งตรงกลางของข้อมูลที่เรียงลำดับจากมากไปน้อย(น้อยไปมากแล้ว)
Quatile (ควอร์ไทล์) เป็นการบอกตำแหน่งด้วยการแบ่งจำนวนข้อมูลออกเป็น 4 ส่วนเท่า ๆ กัน
จะเห็นว่าการแบ่งข้อมูลออกเป็นสี่ส่วนนั้นจะต้องใช้ขีดกั้นทั้งหมด 3 ขีด ซึ่ง
ขีดที่ 1 จะแทนด้วยตำแหน่งที่เป็นควอร์ไทล์ที่ 1 (Q1)
ขีดที่ 2 จะแทนด้วยตำแหน่งที่เป็นควอร์ไทล์ที่ 2 (Q2)
ขีดที่ 3 จะแทนด้วยตำแหน่งที่เป็นควอร์ไทล์ที่ 3 (Q3)
Decile (เดไซล์) เป็นค่าที่แบ่งจำนวนข้อมูลออกเป็น 10 ส่วนเท่า ๆ กัน เมื่อข้อมูลดังกล่าวถูกเรียงจากค่าน้อยไปหาค่ามาก เนื่องจากค่าที่แบ่งจำนวนข้อมูลออกเป็น 10 ส่วนเท่า ๆ กัน มีอยู่ 9 ค่า ดังนั้นเราจึงตั้งชื่อเรียกแต่ละค่าว่า
เดไซล์ที่ 1 ใช้สัญลักษณ์ D1
เดไซล์ที่ 2 ใช้สัญลักษณ์ D2
เดไซล์ที่ 3 ใช้สัญลักษณ์ D3
. .
. .
. .
เดไซล์ที่ 9 ใช้สัญลักษณ์ D9
แต่ละค่ามีความหมายดังนี้
D1 คือ ค่าที่มีจานวนข้อมูลน้อยกว่าค่านี้อยู่ประมาณ 1 ใน 10 ของข้อมูลทั้งหมด
D2 คือ ค่าที่มีจานวนข้อมูลน้อยกว่าค่านี้อยู่ประมาณ 2 ใน 10 ของข้อมูลทั้งหมด
จะมีลักษณะดังนี้ไปเรื่อย ๆ จนถึง
D9 คือ ค่าที่มีจานวนข้อมูลน้อยกว่าค่านี้อยู่ประมาณ 9 ใน 10 ของข้อมูลทั้งหมด
Percentile (เปอร์เซ็นต์ไทล์ ) เป็นตำแหน่งที่เทียบจากร้อย ตำแหน่งเปอร์เซ็นต์ไทล์ คือ ตำแหน่งที่บอกว่า
เมื่อเทียบจากร้อยจะมีจำนวนข้อมูลที่น้อยกว่าหรือเท่ากับตำแหน่งนี้เท่าใด
เนื่องจากค่าที่แบ่งจำนวนข้อมูลออกเป็น 100 ส่วนเท่า ๆ กัน มีอยู่ 99 ค่า ดังนั้นเราจึงตั้งชื่อเรียกแต่ละค่าว่า
เปอร์เซ็นต์ไทล์ที่ 1 ใช้สัญลักษณ์ P1
เปอร์เซ็นต์ไทล์ที่ 2 ใช้สัญลักษณ์ P2
เปอร์เซ็นต์ไทล์ที่ 3 ใช้สัญลักษณ์ P3
. .
. .
. .
เปอร์เซ็นต์ไทล์ที่ 99 ใช้สัญลักษณ์ P99
แต่ละค่ามีความหมายดังนี้
P1 คือ ค่าที่มีจานวนข้อมูลน้อยกว่าค่านี้อยู่ประมาณ 1 ใน 100 ของข้อมูลทั้งหมด
P2 คือ ค่าที่มีจานวนข้อมูลน้อยกว่าค่านี้อยู่ประมาณ 2 ใน 100 ของข้อมูลทั้งหมด
จะมีลักษณะดังนี้ไปเรื่อย ๆ จนถึง
P99 คือ ค่าที่มีจานวนข้อมูลน้อยกว่าค่านี้อยู่ประมาณ 99 ใน 100 ของข้อมูลทั้งหมด
สัญลักษณ์แทนผลบวก (Summation) หรือ ซัม หรือ ซิกม่า
ใช้สำหรับเขียนแทนการบวกของจำนวนหลายๆจำนวนที่มีรูปแบบแน่นอนหรือมีลักษณะเป็นลำดับ
เช่น 1. 1 + 2 + 3 + 4 + 5 + 6 + … + 99
2. 5 + 10 + 15 + 20 + 25 + … + 50
3. x1 + x2 + x3 + x4 + x5 + x6 + … + x10
สามารถเขียนโดยใช้สัญลักษณ์ แทนได้ดังนี้
1. 1 + 2 + 3 + 4 + 5 + 6 + … + 99 เขียนแทนด้วย
2. 5 + 10 + 15 + 20 + 25 + … + 50 เขียนแทนด้วย
3. x1 + x2 + x3 + x4 + x5 + x6 + … + x10 เขียนแทนด้วย
ตัวอย่างการใช้ เขียนแทนการหาผลบวกของจำนวนต่างๆ
สมบัติของ
1. บวกหรือลบ แยกกันได้ (สมบัติการแจกแจง)
2. แยกตัวเลขมาคูณทีหลังได้ (สมบัติการแจกแจง)
3. การบวกค่าคงตัวหลายๆจำนวน
ภาพการอบรม EIS รุ่นที่ 2 เพื่อการติดตามความก้าวหน้าที่โรงเรียนกันทรลักษ์วิทยา ในรอบที่สองนี้ จะให้คุณครูมาร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์การนำ EIS ไปใช้ในโรงเรียน ว่ามีปัญหาและอุปสรรค์อย่างไรบ้าง เพื่อจะได้ช่วยกันพัฒนา และยังได้รับความรู้เพิ่มเติมเรื่องการนำแอพพลิเคชั่นของ Google มาช่วยในการจัดการเรียนการสอน เช่น ตารางนัดหมายงาน ข้อสอบออนไลน์ เป็นต้น